การจัดทำแผนที่นำทางการพัฒนาโซลูชั่นคลังเวชภัณฑ์และ/หรือคลังยาอัจฉริยะบนฐาน IoT สำหรับโรงพยาบาลขนาดใหญ่

การจัดทำแผนที่นำทางการพัฒนาโซลูชั่นคลังเวชภัณฑ์และ/หรือคลังยาอัจฉริยะบนฐานอินเทอร์เน็ตของสรรพสิ่ง (Internet of Things: IoT) เป็นเครื่องมือสำคัญต่อการส่งเสริมสนับสนุนเชิงนโยบายและมาตรการของภาครัฐ รวมไปถึงการตัดสินใจของผู้บริหารโรงพยาบาลในการลงทุนโซลูชั่นฯ ได้อย่างเหมาะสม เพื่อรองรับการจัดสรรและกระจายเวชภัณฑ์/ยาของกระทรวงสาธารณสุขตามความต้องการในแต่ละเขตสุขภาพ แต่ละจังหวัด และแต่ละโรงพยาบาลได้อย่างครอบคลุม ทั่วถึง และเท่าเทียมกันสำหรับสถานการณ์แพร่ระบาดของ COVID-19 อีกทั้งยังสามารถจัดการความท้าทายในมิติอื่นๆ ของคลังเวชภัณฑ์/คลังยา ได้แก่ เวชภัณฑ์/ยาหมดอายุ สูญหาย ชำรุด ขาดสต็อค ล้นสต็อค และค้างสต็อค ถึงแม้ว่าโรงพยาบาลขนาดใหญ่มีการใช้ระบบสารสนเทศหรือที่เรียกว่า Hospital Information System (HIS) หากแต่ยังไม่มีการนำกลุ่มเทคโนโลยีของ IoT มาใช้ในการรับและส่งข้อมูล ประมวลและแสดงผลข้อมูล สำหรับการจัดการคลังเวชภัณฑ์/ยา และแม้ว่าโรงพยาบาลศิริราช มีการนำหุ่นยนต์และระบบอัตโนมัติมาใช้ในห้องจ่ายยา แต่นั้นต้องใช้เงินลงทุนที่สูงมากกว่า 60 ล้านบาท ในขณะที่บริษัทบูรณาการระบบโดยทั่วไปมุ่งเน้นการใช้กลุ่มเทคโนโลยีที่ตนเองถนัดมาพัฒนาเป็นโซลูชั่นฯ มากกว่าการคัดสรรกลุ่มเทคโนโลยีที่เหมาะกับการปฏิบัติหน้างานจริง การจัดทำแผนที่นำทางการพัฒนาโซลูชั่นฯ จึงมุ่งเน้นการบูรณาการกลุ่มเทคโนโลยีของ IoT ให้สอดรับกับการปฏิบัติหน้างานจริงด้วยแนวคิดแบบลีน เพื่อขจัดความสูญเปล่าและเพิ่มคุณค่าของการทำงานในแต่ละขั้นตอน อันนำมาสู่การคัดสรรกลุ่มเทคโนโลยีแบบผสมผสานสำหรับพัฒนาให้เป็นอุปกรณ์อัจฉริยะ เพื่อรับและส่งข้อมูลตามเวลาจริงแบบอัตโนมัติ ด้วยงบประมาณที่สมเหตุสมผล อาทิเช่น การใช้เทคโนโลยี RFID สำหรับการระบุตัวตนและตำแหน่ง สำหรับเวชภัณฑ์ราคาสูง เช่นเดียวกับ การใช้เทคโนโลยี RFID ร่วมกับ Load Cell สำหรับการนับจำนวนเวชภัณฑ์เข้าและออกจากชั้นวาง สำหรับเวชภัณฑ์ราคาสูงและมีขนาดเล็ก ในขณะที่เวชภัณฑ์ราคาไม่แพง อาจจะใช้เทคโนโลยี QR Code หรือ Barcode, การใช้เทคโนโลยี Put to Light และ Pick to Light สำหรับจัดวางเวชภัณฑ์ลงและหยิบเวชภัณฑ์จากชั้นวางบนชั้นวางตามสัญญาณไฟ