การศึกษาผลประโยชน์ร่วม (Co-benefit) ในเชิงของการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศที่จะได้จากการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการจราจรขนส่งทางถนนในประเทศไทย ภายใต้ภาพฉายการดำเนินการตามสถานการณ์การใช้ยานยนต์ดังในปัจจุบัน (Business As Usual, BAU) และภายใต้ภาพฉายการดำเนินการตามแผนงาน (Roadmap) และนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติเพื่อนำไปสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปี ค.ศ. 2065
หัวหน้าโครงการ
ผู้ร่วมโครงการ
ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
สมาชิกทีมคนอื่น ๆ
รายละเอียดโครงการ
วันที่เริ่มโครงการ: 01/10/2023
วันที่สิ้นสุดโครงการ: 30/09/2024
คำอธิบายโดยย่อ
ความจำเป็นในการรองรับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและการการพัฒนาและการเติบโตที่ยั่งยืน ระบบพลังงานทั่วโลกกำลังอยู่ระหว่างการเปลี่ยนแปลงที่ลึกซึ้ง กล่าวคือ วิธีการผลิตและการบริโภคพลังงานในอีก 10-20 ปีข้างหน้านั้นจะแตกต่างอย่างมากจากปัจจุบัน ต้นทุนพลังงานหมุนเวียนที่ลดลงอย่างรวดเร็ว การปรับปรุงประสิทธิภาพการใช้พลังงาน การใช้พลังงานไฟฟ้าในวงกว้าง และการเร่งความก้าวหน้าของนวัตกรรมทางเทคโนโลยีล้วนขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลง ฯลฯ ในการนี้ ประเทศไทยต้องสำรวจเส้นทางเทคโนโลยีต่าง ๆ ที่เหมาะสมกับความต้องการของประเทศและเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน และเพื่อกำหนดลำดับความสำคัญของการวิจัยและนวัตกรรมที่จะเอื้อต่อการเปลี่ยนแปลงระบบพลังงานของประเทศ
ภายใต้สถานการณ์นี้ ยานยนต์ไฟฟ้า (EV) ได้ถูกกำหนดให้เป็นหนึ่งในตัวเลือกในการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศและก๊าซเรือนกระจกในระดับประเทศ โดยได้รับการพิจารณาภายใต้แผนประสิทธิภาพการใช้พลังงานในภาคการจราจรและขนส่ง เพื่อก้าวสู่เป้าหมายในการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกของประเทศไทย ที่ได้ระบุไว้ในรายงาน Nationally Determined Contribution (NDC) ฉบับปรับปรุง ซึ่งประเทศไทยได้ให้คำมั่นที่จะลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลง 20% เป็น 25% ภายในปีค.ศ. 2030 นอกจากนี้ ยานยนต์ไฟฟ้ายังสามารถสร้างประโยชน์ร่วมควบคู่ไปกับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก โดยเฉพาะ CO2 โดยลดการปล่อยฝุ่นละอองขนาดเล็ก PM2.5 จากภาคการขนส่งทางถนน ที่มีบทบาทสำคัญในก่อให้เกิดมลพิษหมอกควันในเขตเมือง เช่น กรุงเทพมหานครและปริมณฑล เป็นต้น
เพื่อรองรับเป้าหมายการเป็นศูนย์กลางการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในระยะยาว และรักษาความสามารถในการแข่งขันด้านยานยนต์ของประเทศในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รัฐบาลโดยคณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ จึงได้ประกาศเป้าหมายที่ 100% ของยานยนต์ใหม่ที่เข้าสู่ท้องตลาด ต้องเป็นยานยนต์ที่ปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ (Zero Emission Vehicle, ZEV) ภายในปีค.ศ. 2035 โดย ZEV จะประกอบด้วยยานยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) และรถยนต์ไฟฟ้าเซลล์เชื้อเพลิง (FCEV) ทั้งนี้ เป้าหมายดังกล่าวที่เรียกสั้นๆว่า “100% ZEV ในปี 2035” นี้มีเป้าหมายการผลิตยานยนต์ใหม่ในปีค.ศ. 2025 เป็นรถยนต์ส่วนบุคคลและรถกระบะที่ใช้ไฟฟ้า 225,000 คัน รถโดยสารและรถบรรทุกไฟฟ้า 18,000 คัน รถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 360,000 คัน และในปีค.ศ. 2035 รถยนต์ส่วนบุคคลและกระบะไฟฟ้า 1,350,000 คัน รถโดยสารและรถบรรทุกไฟฟ้า 84,000 คัน และรถจักรยานยนต์ไฟฟ้า 1,850,000 คัน ตามลำดับ แผนงาน (Roadmap) ที่ทะเยอทะยานนี้จะทำให้ประเทศไทยขยายการผลิตรถยนต์ไฟฟ้าจาก 4 เท่าเป็น 6 เท่าภายใน 10 ปี ในช่วงเริ่มตั้งแต่ปี 2568 (ค.ศ. 2025) ถึง 2578 (ค.ศ. 2035)
การดำเนินการตามแผนงาน (Roadmap) การใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่งทางถนนนี้ เป็นกุญแจสำคัญในการบรรลุเป้าหมาย “100% ZEV ในปี 2035” ที่คณะกรรมการยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติได้ประกาศให้เป็นแผนที่นำทางการพัฒนาการผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าของประเทศไทยในเดือนมีนาคม 2564 ที่ผ่านมา รวมถึงเป้าหมายการเป็นผู้นำด้านการผลิตยานยนต์ไฟฟ้าในภูมิภาคอาเซียนอีกด้วย ในการนี้ เพื่อเร่งดำเนินการขนส่งทางถนนด้วยยานยนต์ไฟฟ้า ซึ่งจะสร้างความมั่นใจให้กับผู้มีส่วนได้ส่วนเสียที่สำคัญ ทั้งในอุตสาหกรรมยานยนต์และผู้บริโภคในประเทศ จำเป็นต้องมีการวิเคราะห์มาตรการเชิงนโยบายและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) เพื่อสามารถดำเนินการตามแผนงาน (Roadmap) การผลิตและใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการขนส่งทางถนนในประเทศไทย
ทั้งนี้ มาตรการเชิงนโยบายและแนวปฏิบัติที่ดีที่สุด (Best Practices) จำเป็นต้องได้รับการประเมินในเชิงประสิทธิภาพและผลสำเร็จ เพื่อสามารถชี้นำการสรรหาตัวเลือกที่เหมาะสมและให้ประโยชน์สูงสุด ทั้งในเชิงเศรษฐกิจ สังคม และสิ่งแวดล้อม เพื่อการพัฒนาประเทศที่มุ่งสู่เป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืนขององค์การสหประชาชาติภายในปีค.ศ. 2030 (2030 UN-SDGs) และเพื่อรองรับนโยบายด้านการรับมือกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่นายกรัฐมนตรีได้ประกาศเจตนารมณ์ในที่ประชุมระดับผู้นำสมัชชาประเทศภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติ ว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศครั้งที่ 26 (COP26) ว่า ประเทศไทย มุ่งสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) ภายในปี ค.ศ. 2050 และเป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปีค.ศ. 2065 ที่จัดขึ้น ณ เมืองกลาสโกว์ ประเทศสก๊อตแลนด์ เมื่อวันที่ 1 พ.ย. 2564 ที่ผ่านมา
ด้วยหลักการและเหตุผลดังกล่าวข้างต้น คณะผู้วิจัยจึงเสนอศึกษาวิจัยประโยชน์ร่วม (Co-benefit) ในเชิงของการลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ โดยเฉพาะฝุ่น PM2.5 และการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ที่จะได้จากการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการจราจรขนส่งทางถนนในประเทศไทย ภายใต้ภาพฉายการดำเนินการตามสถานการณ์การใช้ยานยนต์ดังในปัจจุบัน (Business As Usual, BAU) และภายใต้ภาพฉายการดำเนินการตามแผนงาน (Roadmap) และนโยบายยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ โดยเป้าประสงค์หลักของการศึกษามุ่งที่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปีค.ศ. 2065 เพื่อสามารถประเมินผลสำเร็จและการมีส่วนร่วมของภาคขนส่งในการนำประเทศสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์นี้
ในการศึกษาวิจัยนี้ คณะผู้วิจัยจะใช้วิธีการประเมินการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศและก๊าซเรือนกระจกแบบ well-to-wheel เพื่อสามารถเปรียบเทียบการปลดปล่อยดังกล่าวทั้งระบบและครบวงจรชีวิต เนื่องจากความแตกต่างของระบบการปลดปล่อยมลพิษฯ จากยานยนต์ที่ใช้เทคโนโลยีเครื่องยนต์สันดาปภายใน (Internal Combustion Engine, ICE) และยานยนต์ไฟฟ้า
ผลลัพธ์และผลสำเร็จที่ได้จากโครงการวิจัยที่นำเสนอนี้ สามารถนำมาใช้เป็นฐานข้อมูลสนับสนุนการวางแผนดำเนินการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าสำหรับการจราจรขนส่งทางถนน ที่นำไปสู่เป้าหมายของประเทศไทยทั้งในด้านการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ และด้านอากาศสะอาดไร้ฝุ่น PM2.5 นอกจากนี้ ข้อเสนอแนะจากการวิเคราะห์แนวโน้มของการปลดปล่อยมลพิษทางอากาศและก๊าซเรือนกระจก ภายใต้ภาพฉายที่มีการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าตามแผนยานยนต์ไฟฟ้าแห่งชาติ จะช่วยให้ข้อมูลที่สำคัญในเชิงการบริหารจัดการการพัฒนาการผลิตและการใช้ยานยนต์ไฟฟ้าภายในประเทศ เพื่อให้ภาคขนส่งสนับสนุนการก้าวสู่เป้าหมายการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ในปีค.ศ. 2065 ได้อย่างมีประสิทธิภาพและยั่งยืน เนื่องจากสามารถประมาณคาดการณ์การปลดปล่อยมลพิษทางอากาศและก๊าซเรือนกระจกในอนาคตด้วยวิธีการ well-to-wheel ที่สร้างขึ้นจากแนวคิดวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีที่เป็นที่ยอมรับในระดับสากล
คำสำคัญ
- การประเมินวัฏจักรชีวิตของผลิตภัณฑ์
- การปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์
- การลดการปล่อยมลพิษทางอากาศ
- ยานยนต์ไฟฟ้า
กลุ่มสาขาการวิจัยเชิงกลยุทธ์
ผลงานตีพิมพ์
ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง