เทคโนโลยีการใช้ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากโรงงานอุตสาหกรรมเพื่อเพิ่มผลผลิตและการกักเก็บคาร์บอนในแป้งมันสำปะหลัง
หัวหน้าโครงการ
ผู้ร่วมโครงการ
ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
สมาชิกทีมคนอื่น ๆ
รายละเอียดโครงการ
วันที่เริ่มโครงการ: 01/04/2023
วันที่สิ้นสุดโครงการ: 31/03/2024
คำอธิบายโดยย่อ
เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศุนย์ (Net zero emission) จะไม่สามารถบรรลุได้อย่างยั่งยืนหากไม่ได้รับการความร่วมมือและขับเคลื่อนจากทุกภาคส่วนเศรษฐกิจและสังคม แผนงานวิจัยนี้มีแนวคิดในการบูรณาการการผลิตพืชอุตสาหกกรรมเข้ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการใช้พลังงานในการแปรรูปและการเพาะปลูกมันสำปะหลัง ซึ่งเป็นแนวคิดในการสนับสนุนอุตสาหกรรมมันสำปะหลังให้มีส่วนร่วมอย่างเป็นรูปธรรมในการผลักดันประเทศไทยสู่เป้าหมายการลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศุนย์ โดยการศึกษาประกอบด้วย 2 ส่วนงานหลักคือ 1) ส่วนแรก(โครงการย่อยที่ 2) เป็นการวิจัยเชิงลึกในการสร้างองค์ความรู้ใหม่ขั้นแนวหน้าในประเด็นการตอบสนองทางสรีระวิทยา การใช้น้ำและผลิตภาพของพันธุ์มันสำปะหลังพันธุ์ไทยภายใต้สภาพที่ความเข้นข้นของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์เพิ่มขึ้นจากระดับ ambient (400 ppm) เป็น 600 ppm และส่วนที่ 2) การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีการดักจับ กักเก็บและการใช้ประโยชน์ก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (Carbon dioxide capture and utilization, CCU) ที่ปล่อยทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมผลิตแป้งมันกลับมาใช้เพื่อเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังในแปลงเพาะปลูก ซึ่งเป็นนวัตกรรมทางการวิจัยที่ยังไม่มีประเทศใดทำสำเร็จ ข้อเสนอโครงการวิจัยนี้จึงนับว่าเป็นประเด็น Frontier research และหากทำสำเร็จจะเกิดผลกระทบสูงทั้งในด้านวิชาการ (การตอบสนองของมันสำปะหลังต่อการใช้ก๊าซ CO2 เหลือทิ้ง) สิ่งแวดล้อม (ได้กลไกในการลดก๊าซเรือนกระจกที่ยั่งยืน) และเศรษฐกิจ (เพิ่มผลผลิต รายได้ และมูลค่าตลอดห่วงโซ่อุปทานอุตสาหกรรมมันสำปะหลัง) โดยแผนวิจัยมีวัตถุประสงค์หลักคือ 1) พัฒนาระบบการนำก๊าซ CO2 ที่ปล่อยทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมมาใช้ประโยชน์และเพิ่มมูลค่าผ่านการเพาะปลูกมันสำปะหลัง 2) สร้างองค์ความรู้ใหม่ในกลไกการตอบสนองของมันสำปะหลังพันธุ์ไทยต่อการเพิ่มความเข้มข้นของ CO2 รวมถึงการเพิ่มผลผลิต และ 3) ประเมินสมดุลการปล่อย/ดูดกลับก๊าซเรือนกระจกจากกระบวนการเพาะปลูกและผลิตแป้งมันสำปะหลังโดยการนำก๊าซ CO2 มาใช้ซ้ำในแปลงเพาะปลูกและการเพิ่มชีวมวล
แผนงานวิจัยนี้มีระยะการศึกษา 1 ปี ประกอบด้วย 2 โครงการย่อยคือ โครงการวิจัยย่อยที่ 1 “การพัฒนาระบบการใช้ก๊าซ CO2 จากปล่องปล่อยก๊าซโรงงานอุตสาหกรรมในการปลูกมันสำปะหลัง” ซึ่งมีวัตถุประสงค์หลักคือ การพัฒนาระบบลำเลียง CO2 จากปล่องปล่อยก๊าซทิ้งโรงงานผลิตแป้งมันสำปะหลังมายังแปลงเพาะปลูกและศึกษาการตอบสนองของมันสำปะหลังสายพันธุ์ไทยต่อการเพิ่มปริมาณก๊าซ CO2 ภายใต้สภาพการเพาะปลูกมันสำปะหลังในแปลงเกษตรกร เป็นความร่วมมือระหว่างหน่วยงานวิจัยภาครัฐ ได้แก่ มหาวิทยาลัยเทคโนโลยีพระจอมเกล้าธนบุรี มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ สำนักงานพัฒนาเทคโนโลยีอวกาศและภูมิสารสนเทศ (องค์การมหาชน) สำนักงานพัฒนาวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีแห่งชาติ (สวทช.) และภาคเอกชนคือ บริษัท สยามควอลิตี้ สตาร์ช จำกัด งานวิจัยมุ่งเน้นการออกแบบระบบและทดสอบระบบการลำเลียงและการป้อนก๊าซ CO2 ให้สามารถตอบสนองต่อการใช้ CO2 ของมันสำปะหลัง การเปรียบเทียบประสิทธิภาพวิธีการลำเลียงระหว่างการลำเลียงโดยตรงในรูปของก๊าซ และการลำเลียง CO2 มากับน้ำผ่านการทำ nano-bubble โดยการออกแบบและการลำเลียงคำนึงถึงปริมาณ CO2 ที่มีอยู่ การกระจายตัวของ CO2 อย่างทั่วถึงทั้งในเชิงพื้นที่และตลอดชั้นเรือนยอด การพัฒนาระบบการ monitor ความเข้มข้นของ CO2 ในแปลงภาคสนามเพื่อพัฒนาต่อยอดในการควบคุมระดับความเข้มข้น CO2 ที่เหมาะสมต่อไป นอกจากนี้การศึกษาภาคสนามยังรวมถึงการประเมินการดูดซับและปล่อยก๊าซเรือนกระจกในแปลงเพาะปลูกมันสำปะหลังที่มีการนำ CO2 จากโรงงานกลับมาใช้อีกด้วย
- 2 “การตอบสนองของพืชต่อการเพิ่มปริมาณก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ (CO2) ในมันสำปะหลังสายพันธุ์ไทยเพื่อต่อยอดสู่การหมุนเวียนก๊าซเรือนกระจกกลับมาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มผลผลิต” จะมุ่งเน้นการศึกษาการตอบสนองต่อการเพิ่มขึ้นของ CO2 ของมันสำปะหลังสายพันธุ์ไทยจำนวน 4 สายพันธุ์ เนื่องจากมีผลการศึกษาในอดีตที่ชี้ว่า การตอบสนองมีความแตกต่างกันในแต่ละสายพันธุ์ ซึ่งการศึกษาทั้งหมดจะถูกดำเนินการในระบบโรงเรือน เพื่อให้สามารถควบคุมระดับความเข้มข้น CO2 ให้คงที่และมีประสิทธิภาพมากที่สุด โดยคำนึงถึง 4 ปัจจัย ได้แก่ 1) ด้านสายพันธุ์ (พิจารณาสายพันธุ์จากลักษณะของทรงพุ่ม (canopy) ผลผลิต (yield) โอกาสในการสร้างมูลค่าทางเศรษฐกิจ และการตอบสนองต่อสิ่งแวดล้อม เช่น พันธุ์เกษตรศาสตร์ 50 พันธุ์ระยอง 72 พันธุ์ห้านาที และพันธุ์แว๊กซี่ (waxy)) 2) ปริมาณก๊าซ CO2 (400 และ 600 ppm) 3) รูปแบบการเพิ่มก๊าซ CO2 (ตามช่วงเวลาการเปิดปากใบและการสังเคราะห์แสง และตามช่วงอายุของการพัฒนารากสะสมอาหาร) และ 4) ตามวิธีการให้ CO2 กับพืช (รูปแบบก๊าซในบรรยากาศและรูปแบบสารละลายผ่านการให้น้ำ) ซึ่งองค์ความรู้นี้มีความจำเป็นต่อการนำไปประยุกต์ใช้ในการพัฒนาเทคโนโลยี FACE สำหรับการออกแบบนิเวศการหมุนเวียนก๊าซ CO2 จากโรงงานอุตสาหกรรมกลับมาใช้ประโยชน์ในการเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังในโครงการย่อยที่ 1 ต่อไป
ด้วยข้อจำกัดในระยะเวลาทำวิจัย ทั้งสองโครงการย่อยจะดำเนินการไปพร้อมๆกัน โดยองค์ความรู้เชิงลึกในโครงการย่อยที่ 2 ส่วนหนึ่งจะสามารถช่วยอธิบายผลการตอบสนองของมันสำปะหลังในแปลงทดลองภาคสนามในโครงการย่อยที่ 1 อีกทั้งจะช่วยขยายผลถึงความเป็นไปได้ในการนำระบบการใช้ CO2 ไปใช้กับพันธุ์มันสำปะหลังในพื้นที่อื่นๆ ในขณะเดียวกัน ผลที่ได้จากการศึกษาในโครงการย่อยที่ 1 จะช่วย confirm ผลจากการศึกษาในโรงเรือนของโครงการย่อยที่ 2 อีกทั้งยังจะได้ต้นแบบระบบการนำ CO2 มาใช้ในสภาพจริงของการเพาะปลูกมันสำปะหลังในแปลงของเกษตรกร ซึ่งจะสามารถนำไปขยายผลกับการปลูกมันสำปะหลังในพื้นที่อื่นๆ หรือแม้กระทั่งเป็นต้นแบบเพื่อประยุกต์ระบบการนำ CO2 มาใช้กักการผลิตพืชอื่น ๆ ต่อไป
ด้วยความสำคัญของมันสำปะหลังและอุตสาหกรรมต่อเนื่องที่เชื่อมโยงกับเกษตรกรกว่า 5 แสนครัวเรือนในประเทศไทย มูลค่ารวมของที่ใช้ในประเทศและส่งออกผลิตภัณฑ์มันสำปะหลังทั้งหมดไม่ต่ำกว่า 1.5 แสนล้านบาทต่อปี และมูลค่าอุตสาหกรรมต่อเนื่องอีกมากกว่า 3 แสนล้านบาทต่อปี อีกทั้งการตอบสนองที่สูงของมันสำปะหลังต่อการเพิ่มความเข้มข้น CO2 ในบรรยากาศ และการที่ยังไม่มีการศึกษาวิจัยในลกษณะนี้ในต่างประเทศ การวิจัยเพื่อพัฒนาระเทคโนโลยี CCU และเพิ่มผลผลิตมันสำปะหลังโดยใช้ก๊าซทิ้งจากโรงงานอุตสาหกรรมจึงเป็นประเด็นวิจัย Frontier ที่ตอบโจทย์ตรงต่อเป้าหมาย Net zero emission และ โมเดล BCG ในการพัฒนาประเทศ โดยผลที่คาดจะได้รับโดยตรงจากงานวิจัยชิ้นนี้คือ องค์ความรู้ใหม่ ผลงานตีพิมพ์ในวารสารระดับนานาชาติ ต้นแบบของเทคโนโลยีการนำ CO2 กลับมาใช้ในการเพาะปลูกมันสำปะหลัง และข้อมูลการดูดซับ/ปล่อยคาร์บอนและก๊าซเรือนกระจก
คำสำคัญ
- อุตสาหกรรมแป้งมัน การลดก๊าซเรือนกระจก starch industry, greenhouse gas mitigation
กลุ่มสาขาการวิจัยเชิงกลยุทธ์
ผลงานตีพิมพ์
ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง