การประเมินการคายระเหยจากระบบนิเวศป่าไม้และเกษตรและผลกระทบต่อการจัดการน้ำภายใต้แนวคิดเศรษฐกิจหมุนเวียนในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก

โครงการการศึกษาการประเมินการคายระเหยของน้ำของระบบนิเวศป่าไม้และเกษตรในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกใน 3 จังหวัด ได้แก่ ชลบุรี ระยอง และฉะเชิงเทราสอดคล้องกับแผนแม่บทยุทธศาสตร์ชาติที่ 23 ประเด็นการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อม งานวิจัยมุ่งเน้นศึกษาหาองค์ความรู้ใหม่เพื่อพัฒนาต่อยอดในการจัดการผลกระทบของภาวะขาดน้ำจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อการคายระเหยของระบบนิเวศ โดยมุ่งเน้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกภายใต้แผนยุทธศาสตร์ไทยแลนด์ 4.0 ด้วยการพัฒนาเชิงพื้นที่ทางด้านเศรษฐกิจควบคู่ไปกับการพัฒนาทางด้านการเกษตร การใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และการดูแลสิ่งแวดล้อม ครอบคลุมถึงการจัดการทรัพยากรน้ำและการจัดการสิ่งแวดล้อมให้พร้อมปรับตัวและรับมือการการเปลี่ยนแปลงภูมิอากาศ และมีเป้าหมายของในการทำให้พื้นที่ป่าเพิ่มขึ้นร้อยละ 5 ในทุกๆปี ตามแผนสิ่งแวดล้อมในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกของกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ระบบป่าไม้เป็นทรัพยากรธรรมชาติที่สำคัญต่อการพัฒนาที่ยั่งยืน โดยให้ ecosystem service และยังช่วยส่งเสริมปัจจัยในการดำรงชีวิตต่างๆ ส่วนระบบนิเวศเกษตร ก็มีความสำคัญในการเป็นผู้ใช้น้ำที่สำคัญในพื้นที่ การใช้น้ำในการเกษตรจึงกระทบต่อการจัดการทรัพยากรน้ำในพื้นที่ ซึ่งการคายระเหยเป็นองค์ประกอบที่สำคัญในการประเมินปริมาณน้ำที่ใช้หรือสูญเสียไปจากระบบ

โครงการสามารถสนับสนุนการดำเนินการตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular economy) ผ่านการรักษาและใช้ทรัพยากรที่มีอยู่ให้มีประสิทธิภาพสูงสุด โดยศึกษาองค์ความรู้ความต้องการการใช้น้ำของป่าและเกษตร การสูญเสียน้ำผ่านกระบวนการคายระเหย  ซึ่งที่ผ่านมายังไม่มีการศึกษาและประมาณการคายระเหยในพื้นที่ทั้งๆที่ปัญหาการขาดแคลนน้ำเป็นปัญหาที่เกิดบ่อยและมีผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญต่อการพัฒนา นอกจากจะทำให้ทราบสมดุลน้ำซึ่งเป็นข้อมูลพื้นฐานในกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคมแล้ว ผลที่จะได้ยังนำไปเป็นข้อเสนอทางนโยบายในการจัดการกับพื้นที่ต้นน้ำเพื่อส่งเสริมการวางแผนและจัดการกับระบบนิเวศ และใช้ในการตั้งรับและปรับตัวกับปัญหาภาวะขาดน้ำที่จะเกิดขึ้นจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ รวมทั้งนำเสนอแนวทางนโยบายเพื่อใช้ในการพัฒนาที่ยั่งยืนทางด้านระบบนิเวศป่าไม้และเกษตรของพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออกในอนาคต