การปรับปรุงผลผลิตแป้งของมันสำปะหลังด้วยการเพิ่มประสิทธิภาพการแบ่งส่วนการใช้
คาร์บอนระหว่างต้นเหนือพื้นดินและรากสะสมอาหารโดยบูรณาการข้อมูลขนาดใหญ่กับการ
ศึกษาเชิงระบบเพื่อมุ่งสู่การทำเกษตรแม่นยำ

จากการดำเนินงานวิจัยในปีที่ 1 ของงบประมาณปี 2564 คณะวิจัยได้เริ่มดำเนินการปลูกต้นมันสำปะหลังทั้งหมด 3 สายพันธุ์ ได้แก่ เกษตรศาสตร์ 50 (KU50) ระยอง 9 (R9) และ ห้านาที (HN) ทั้งหมดประมาณ 48 ต้น สายพันธุ์ละ 16 ต้น โดยให้น้ำอย่างเพียงพอในช่วง 2 เดือนแรก และหลังจากนั้นใช้น้ำแบบ rainfed เพื่อติดตามการเจริญเติบโตตั้งแต่เริ่มปลูก (0 month after planting หรือ MAP) จนถึง 6 เดือนหลังปลูก (MAP) โดยใช้ลักษณะทางสรีรวิทยาต่างๆ ได้แก่ ความสูง น้ำหนักสดและแห้งของส่วนต่างๆ เป็นต้น ตลอดจนได้เก็บตัวอย่างใบและรากสะสมเพื่อตรวจวัดการเปลี่ยนแปลงของระดับแป้งและน้ำตาลของใบระหว่างวัน (Diurnal change) (ดำเนินงานในปีที่ 1) และรากสะสมที่ช่วงเช้า (ดำเนินงานในปีที่ 2) สำหรับศึกษาพฤติกรรมการแบ่งส่วนการใช้คาร์บอนระหว่างใบและรากโดยใช้ปริมาณแป้งและน้ำตาล ซึ่งเป็นเมตาโบไลท์หลักของมันสำปะหลัง และสำหรับตรวจดูลักษณะของเม็ดแป้งในใบ (ดำเนินงานในปีที่ 2) โดยผลของปริมาณแป้งและน้ำตาลรวมถึงผลการย้อมไอโอดีนของใบระหว่างวันยังอยู่ระหว่างดำเนินงาน รวมถึงการศึกษายีนที่เกี่ยวข้องกับเมตาบอลิซึมการสร้างแป้ง โดยเน้นยีน 3 กลุ่ม ได้แก่ ยีนที่เกี่ยวข้องกับการสร้างแป้ง (Starch synthesis) สลายแป้ง (Starch degradation) และการขนส่งน้ำตาล (Sugar transporters) ประมาณ 17 ยีน และนำข้อมูลการแสดงออกและลำดับเบสของยีนที่สนใจจากฐานข้อมูลมันสำปะหลังในโครงการวิจัยย่อยที่ 2 (ที่ได้รับทุนสนับสนุนในการดำเนินงานวิจัยปีงบประมาณ 2564) เพื่อออกแบบ primer สำหรับทดสอบการแสดงออกของยีนระหว่างมันสำปะหลัง 3 สายพันธุ์ ที่การเจริญเติบโต 3 ระยะ โดยได้เตรียมตัวอย่างพืชทั้งใบระหว่างวันและรากสะสมที่ได้จากโครงการวิจัยย่อยที่ 1 สำหรับมาทดสอบการแสดงออกเบื้องต้นด้วยวิธี semi-quantitative RT-PCR ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินการ ก่อนจะคัดเลือกมาทดสอบด้วยวิธี RT-QPCR อีกครั้งในปีที่ 2 นี้