ผลกระทบของรูปแบบของเส้นใยเหล็กต่อสมบัติเชิงกลคอนกรีตสมรรถนะสูงทีใช้เถ้าก้นเตาแทนที่ปูนซีเมนต์และมวลรวมละเอียด
Conference proceedings article
ผู้เขียน/บรรณาธิการ
กลุ่มสาขาการวิจัยเชิงกลยุทธ์
รายละเอียดสำหรับงานพิมพ์
รายชื่อผู้แต่ง: Chatkamon Tadang, Rattanasak Hongthong, Supawit Rueksamith, Sutaphat Phengphet, Sumeth Manatho,
Weerachart Tangchirapat and Chai Jaturapitakkul
ปีที่เผยแพร่ (ค.ศ.): 2023
หน้าแรก: 581
หน้าสุดท้าย: 594
จำนวนหน้า: 14
บทคัดย่อ
บทความนี้นําเสนอผลกระทบของรูปร่างเส้นใยเหล็กต่อสมบัติเชิงกลของคอนกรีตสมรรถนะสูงที่ใช้เถ้าก้น เตาบดละเอียด (Ground Bottom Ash: GBA) แทนที่ปูนซีเมนต์ในอัตราส่วนร้อยละ 60 ร่วมกับเถ้าถ่านหิน (Fly Ash: FA) ร้อยละ 10 โดยนํ้าหนักวัสดุประสาน และแทนที่มวลรวมละเอียดด้วยเถ้าก้นเตาในอัตราส่วนร้อยละ 30 โดยปริมาตรของมวลรวมละเอียด รูปแบบของเส้นใยเหล็กที่ใช้ศึกษาได้แก่ แบบตรงแบบงอปลาย และแบบลอน ซึ่งมีอัตราส่วนความยาวต่อเส้นผ่านศูนย์กลาง (l/d) เท่ากับ 65 ควบคุมปริมาณของเส้นใยเหล็กที่ร้อยละ 1.0 โดย ปริมาตรของคอนกรีต ผลการศึกษาพบว่าเส้นใยเหล็กส่งผลให้ความสามารถในการทํางานของคอนกรีตลดลง เมื่อ ประเมินด้วยการทดสอบการยุบตัวแบบไหลแผ่และระยะเวลาการยุบตัวแบบไหลแผ่ที่ระยะเส้นผ่านศูนย์กลาง 50 มม (T50) การใช้เส้นใยเหล็กแบบงอปลายร้อยละ 1.0 โดยปริมาตร ให้กําลังอัดและกําลังดัดของคอนกรีตมาก ที่สุด โดยมีค่าเท่ากับ 874และ 157.2 กก/ซม2 ตามลําดับ ที่อายุ 28 วัน นอกจากนี้รูปแบบของเส้นใยไม่ส่งผล กระทบหรือมีผลกระทบน้อยต่อโมดูลัสยืดหยุ่นของคอนกรีต เมื่อใช้เส้นใยเหล็กร้อยละ 1.0 โดยปริมาตร
คำสำคัญ
ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง