การศึกษาผลิตภาพจากเส้นการเรียนรู้ของการกดเสาเข็มสี่เหลี่ยม

Conference proceedings article


ผู้เขียน/บรรณาธิการ


กลุ่มสาขาการวิจัยเชิงกลยุทธ์


รายละเอียดสำหรับงานพิมพ์

รายชื่อผู้แต่งชาญวิทย์ ฉันทไกรวัฒน์, ธงชัย โพธิ์ทอง, กฤษฎา อนันตกาลต์ และ สุรัติ เส็มหมัด

ปีที่เผยแพร่ (ค.ศ.)2025

หน้าแรก181

หน้าสุดท้าย190

จำนวนหน้า10


บทคัดย่อ

ในการวิเคราะห์ผลิตภาพของการดำเนินการก่อสร้าง เส้นโค้งการเรียนรู้ (Learning Curves: LC) เป็นอีกปัจจัยที่สะท้อนถึงความแปรผันของผลิตภาพในสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งโดยปกติจะพิจารณาในโครงการก่อสร้างระหว่างขั้นตอนการประเมินและการวางแผน การศึกษานี้จะประเมินความเหมาะสมของแบบจำลองเส้นโค้งการเรียนรู้ สำหรับการวิเคราะห์ปรากฏการณ์การเรียนรู้โดยใช้ข้อมูลผลผลิตสำหรับการดำเนินการกดเสาเข็มสี่เหลี่ยม ทั้งนี้ ชุดข้อมูลเดียวกันจะแสดงอัตราการเรียนรู้ที่แตกต่างกันภายใต้แบบจำลองที่ต่างกันที่นำมาใช้วิเคราะห์ เนื่องจากเวลาต่อหน่วยและเวลาเฉลี่ยสะสมไม่ลดลงในอัตราเดียวกัน แบบจำลองที่ดีที่สุดคือแบบจำลองที่สร้างการประมาณเวลาที่ใกล้เคียงกับผลลัพธ์จริงมากที่สุด ในการศึกษานี้ บทบาทของแบบจำลองต่าง ๆ สำหรับเส้นโค้งการเรียนรู้ (เช่น Wright, Quadratic และ Hyperbolic) จะถูกวิเคราะห์เปรียบเทียบผลลัพธ์ของแบบจำลองเหล่านี้ผ่านการใช้ข้อมูลผลผลิตสะสมของกิจกรรมที่เกี่ยวข้องในกระบวนการกดเสาเข็มสี่เหลี่ยม โดยมีจุดมุ่งหมายในการตรวจสอบแบบจำลองซึ่งเป็นส่วนที่ดีที่สุดสำหรับข้อมูลผลผลิตในอดีตของกิจกรรมการก่อสร้างที่เสร็จสมบูรณ์ และค้นหาแบบจำลองที่สามารถทำนายประสิทธิภาพในอนาคตได้ดีกว่า แบบจำลองเส้นโค้งการเรียนรู้ ที่เหมาะสมที่สุดนั้นทำนายโดยพิจารณาจากการเบี่ยงเบนน้อยที่สุดจากผลลัพธ์ที่ได้ของแต่ละแบบจำลองเมื่อเทียบกับสถิติการทำงานจริง การวิเคราะห์ข้อมูลผลผลิตเฉลี่ยสะสมทำนายได้ว่าแบบจำลองของ Wright นั้นเหมาะสมที่สุด การศึกษาครั้งนี้ได้ดำเนินการเก็บรวมรวมข้อมูลการทำงานเสาเข็มสี่เหลี่ยมขนาด 0.22 x 0.22 x 6.00 เมตร โดยมีวัตถุประสงค์ที่จะดำเนินการเก็บรวบรวมและวิเคราะห์ข้อมูลจากการทำงานภาคสนาม มาทำการวิเคราะห์หาแบบจำลองสำหรับ Learning Curve ของการทำงานเสาเข็มดังกล่าว ซึ่งเป็นส่วนประกอบของโครงสร้างกำแพงกันน้ำท่วม FloodWall ของโครงการปรับปรุงระบบส่งน้ำดิบเพื่อเสริมเสถียรภาพบริเวณคลองประปาฝั่งตะวันตก ตั้งแต่โรงงานผลิตน้ำมหาสวัสดิ์ ถึง โรงสูบน้ำดิบบางเลน ผลการศึกษา พบว่า ในกระบวนการทำงานจะเกิดการพัฒนาทักษะความชำนาญตามผลของ Learning Curve Effect จริงซึ่งเป็นไปตาม Cumulative Learning Curve Model โดยแบบจำลองที่นำมาเปรียบเทียบ โดยใช้ค่า MAPE ทั้ง 3 แบบจำลอง ได้แก่ Wright Model, Quadratic Model และ Hyperbolic Model ซึ่งจากการศึกษาพบว่าแบบจำลองที่มีความเหมาะสมในครั้งนี้คือ Wright Model ซึ่งจากการวิเคราะห์ มีค่า MAPE 3.18%ซึ่ง Quadratic Model และ Hyperbolic Model มีค่า MAPE 10.95% และ 7.04% ตามลำดับ ทั้งนี้ หากทำการคำนวนค่า MAPE ของแบบจำลองได้ผลออกมาได้น้อยกว่า 10% โดยทั่วไป จะถือได้ว่าค่าที่พยากรณ์ได้จากแบบจำลอง ค่อนข้างมีนัยยะที่น่าเชื่อได้ ดังนั้นสามารถสรุปในการศึกษาครั้งนี้ได้ว่าลักษณะเส้นโค้งการเรียนรู้ในการทำงานเสาเข็มตามแบบจำลองWright Model ซึ่งมีลักษณะความสัมพันธ์แบบ logarithm มีความเหมาะสมมากกว่าความสัมพันธ์รูปแบบ Quadraticหรือ Hyperbolic


คำสำคัญ

ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง


อัพเดทล่าสุด 2025-24-07 ถึง 12:00