โครงการพัฒนาแนวทางการใช้แสงธรรมชาติสำหรับการทำงานแห่งอนาคต เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสุขภาวะที่ดี กรณีศึกษากรุงเทพมหานคร

องค์กรทั่วโลกประสบกับความท้าทายจากความเปลี่ยนแปลงในด้านต่างๆ โดยเฉพาะด้านโครงสร้างประชากร ความก้าวหน้าอย่างพลิกผันจากเทคโนโลยีดิจิตัล (Digital disruption) และ วิถีชีวิต (lifestyles) ของคนวัยทำงาน ธนาคารโลกได้กล่าวถึงความสำคัญของความท้าทายนี้ในรายงาน World Development Report (2019) - The Changing Nature of Work และเสนอว่าทุกประเทศควรให้ความสำคัญต่อการพัฒนาต้นทุนมนุษย์ (Human Capital) เพราะเป็นปัจจัยหลักต่อการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคม การส่งเสริมให้แรงงานมีสุขภาพที่ดี (health) ส่งเสริมการเรียนรู้ตลอดชีวิต และได้รับการพัฒนาทักษะในต้านต่างๆ ที่จำเป็นต่อการทำงานในอนาคต การศึกษาเพื่อมองภาพสถานที่ทำงานแห่งอนาคต (Future workplace) จึงเป็นประเด็นที่ได้รับความสนใจมาอย่างต่อเนื่อง (ARUP 2011)
        เนื่องด้วยสถานการณ์การระบาดของไวรัสโคโรน่า (Covid-19) ได้ส่งผลกระทบต่อรูปแบบการทำงาน การอยู่อาศัย และการใช้ชีวิตประจำวันอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน ทำให้กลุ่มผู้มีส่วนเกี่ยวข้องให้ความสนใจในการมองภาพอนาคตการทำงานและการออกแบบสถานที่ทำงานแห่งอนาคต ที่ไม่เพียงส่งเสริมประสิทธิภาพการทำงานแต่ควรส่งเสริมสุขภาวะที่ดีของผู้ใช้อาคารอีกด้วย แม้สถานการณ์ในปัจจุบันจะยังไม่สิ้นสุดลงแต่องค์กรทั่วโลกได้ให้ความสำคัญต่อการปรับรูปแบบการทำงานแบบผสมผสาน (Hybrid workplace) และแสวงหาแนวทางในการออกแบบปรับเปลี่ยนสภาพแวดล้อมในการทำงานให้เหมาะสมกับรูปแบบการทำงานใหม่นี้ โดยระบบแสงสว่างเป็นองค์ประกอบสำคัญประการหนึ่งในสภาพแวดล้อมในการทำงานที่ส่งผลโดยตรงต่อการใช้พลังงานของอาคาร มีอิทธิพลต่อประสิทธิภาพการทำงานและสุขภาวะที่ดีของพนักงาน ดังนั้นจึงควรสร้างองค์ความรู้ที่จำเป็นในการออกแบบและพัฒนานวัตกรรมที่จะสามารถตอบสนองความเปลี่ยนแปลงดังกล่าว
        โครงการวิจัยนี้มีเป้าหมายระยะ 3 ปี เพื่อสร้างองค์ความรู้และสร้างสรรค์นวัตกรรมการส่องสว่างจากแสงธรรมชาติและเทคโนโลยีแอลอีดีสำหรับการทำงานแห่งอนาคต ที่ช่วยลดการใช้พลังงานในระบบไฟฟ้าแสงสว่าง เพิ่มการใช้แสงธรรมชาติซึ่งเป็นพลังงานหมุนเวียน (renewable energy) ซึ่งจะนำไปสู่การสร้างสังคมคาร์บอนต่ำ (low-carbon society) สร้างสภาพแวดล้อมด้านแสงสว่างที่เหมาะสมทั้งต่อระบบการมองเห็น (visual systems) และระบบนาฬิกาชีวภาพ (circadian rhythms) ซึ่งจะส่งผลต่อการทำงานที่มีประสิทธิภาพ (work performance) และสุขภาวะที่ดี (wellbeing) สำหรับผู้ใช้อาคาร นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายในการสร้างเครือข่ายวิจัยด้านการออกแบบแสงสว่างที่ยืดหยุ่นและสุขภาวะที่ดี (resillient design & wellbeing) เพื่อความเข้มแข็งทางวิชาการ และความร่วมมือทางเศรษฐกิจร่วมกับภาคเอกชนในการต่อยอดผลงานวิจัยและนวัตกรรมสู่การใช้ประโยชน์เชิงพาณิชย์อย่างเป็นรูปธรรมได้ต่อไป