ผลของก้อนเห็ดเก่า วัสดุเพาะ น้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพและสารประกอบซีลีเนียมต่อการเจริญและฤทธิ์ทางชีวภาพของเหง้าเห็ดนมเสือที่เพาะแบบฝังกลบ
หัวหน้าโครงการ
ผู้ร่วมโครงการ
ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง
สมาชิกทีมคนอื่น ๆ
รายละเอียดโครงการ
วันที่เริ่มโครงการ: 01/10/2021
วันที่สิ้นสุดโครงการ: 30/09/2023
คำอธิบายโดยย่อ
- ประกอบกับอีกหลายๆปัจจัยอัน ได้แก่ อาหารการกิน ในภาวะเร่งรีบเพื่อทำงานมักรับประทานอาหารไม่ครบ 5 หมู่ อาหารมีการปนเปื้อนของสารเคมีเพื่อฆ่าแมลง ศัตรูพืช ฮอรโมนต่างๆ ทั้งจากพืชและสัตว์ที่นำมาบริโภค รวมถึงพิษจากภาชนะพลาสติกที่บรรจุ การพักผ่อนและการออกกำลังไม่เพียงพอ เนื่องจากต้องออกไปทำงานตั้งแต่เช้าและกลับถึงบ้านค่ำ จึงทำให้มีเวลาพักผ่อนน้อยและไม่ได้ออกกำลังกาย ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายต่ำลง ซึ่งปัจจัยดังที่ได้กล่าวมานี้ย่อมส่งผลให้คนตั้งแต่วัยกลางคนไปจนถึงวัยสูงอายุเกิดปัญหาสุขภาพตามมา เมื่อมีปัญหาสุขภาพเกิดขึ้นคนมักนิยมพบแพทย์และรับประทานยาทั้งแบบยาแผนปัจจุบัน ยาแผนไทย และยาแผนจีน สำหรับคนที่ไม่ได้มีปัญหาสุขภาพรุนแรงมักจะเลือกดูแลตนเองด้วยการรับประทานอาหารเสริมประภทต่างๆ โดยอาหารเสริมนั้นสามารถแบ่งออกได้เป็นอาหารเสริมประเภทวิตามินสังเคราะห์ พืชสมุนไพร และประเภทเห็ดสมุนไพร (เห็ดทางยา) อาหารเสริมประเภทเห็ดสมุนไพร เช่น ถั่งเช่า (Cordyceps) เห็ดหลินจือ (Lingzhi) ฯลฯ เป็นที่นิยมรับประทานในหลายประเทศในปัจจุบัน รวมทั้งในประเทศไทย เพราะมีรายงานการวิจัยบ่งชี้ว่าเห็ดสมุนไพรเหล่านี้มีส่วนช่วยในการยับยั้งเซลล์มะเร็ง ปรับความดันเลือดสูงและต่ำให้เข้าสู่ภาวะปกติ กระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย เป็นต้น นอกเหนือจากเห็ดทั้ง 2 ชนิดนี้ ยังมีเห็ดทางยาอีกชนิดหนึ่งที่ยังมีรายงานทางการวิจัยไม่มาก ได้แก่ เห็ดนมเสือ หรือ tiger milk mushroom (Lignosus rhinoceros) ตามความเชื่อเมื่อเสือแม่ลูกอ่อนทำน้ำนมหยดลงบนพื้นดินแล้วเห็ดนมเสือจะเกิดขึ้น เห็ดนมเสือมีส่วนดอกเห็ดคล้ายดอกเห็ดหลินจือและมีส่วนหัวใต้ดิน (sclerotium) ฝังอยู่ในดิน โดยส่วนหัวใต้ดินนี้เกิดจากการที่เส้นใยของเห็ดรวมตัวกันเป็นก้อนและพบว่าสารสำคัญที่ใช้ในการรักษาโรคส่วนใหญ่อยู่ในส่วนหัวใต้ดินนี้ มีงานวิจัยที่ให้ข้อมูลว่าเหง้าเห็ดนมเสือสามารถรักษาโรคมะเร็งได้หลายชนิด โรคต่อมทอนซิลอักเสบ โรคหอบหืด โรคไทรอยด์ โรคเบาหวาน อาการไอเรื้อรัง และช่วยบำรุงร่างกาย เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน รวมถึงมีคุณสมบัติในการต้านการอักเสบ ยับยั้งการเจริญของแบคทีเรียและไวรัส ด้วยคุณสมบัติเห็ดนมเสือและความยากในการขุดหาในป่าโดยคนเก็บของป่าหรือพวกซาไก จึงมีผู้สนใจทำการเพาะเลี้ยงเห็ดนมเสือแบบฝังกลบก้อนเห็ดที่มีเชื้อเดินเต็มแล้วลงในดินในปัจจุบัน แต่ยังคงเป็นกลุ่มเล็กเฉพาะ และไม่มีงานวิจัยรองรับ เหตุที่คนเริ่มหันมาสนใจเพาะเห็ดนมเสือเนื่องจากเหง้าเห็ดนมเสือแบบบดผงมีราคาสูงถึงกิโลกรัมละ 10,000 บาท และยังมีคนเพาะเลี้ยงเชิงพาณิชย์น้อย ข้อเสียของการเพาะเลี้ยงเห็ดนมเสือเพื่อให้ได้เหง้าที่พบ คือ ใช้ระยะเวลาในการเพาะเลี้ยงเพื่อให้ได้เหง้านาน 6-8 เดือน จากที่กล่าวข้างต้นณะผู้วิจัยจึงมีความสนใจที่จะพัฒนาองค์ความรู้ในเรื่องการพัฒนาการเพาะเลี้ยงเห็ดทางยา (Lignosus rhinoceros) แบบฝังกลบ โดยศึกษาผลของการใช้ก้อนเห็ดเก่าเหลือทิ้ง (เห็ดนางฟ้า เห็ดนางรม) วัสดุเพาะ น้ำหมักจุลินทรีย์ชีวภาพและสารประกอบซีลีเนียมต่อการเจริญและฤทธิ์ทางชีวภาพของเหง้าเห็ดนมเสือที่เพาะแบบฝังกลบเพื่อกระตุ้นการเจริญของเหง้าให้ระยะเวลาในการเจริญลดลงน้อยกว่า 6 เดือน และกระตุ้นการออกฤทธิ์ของสารออกฤทธิ์ทางชีวภาพของเหง้าเห็ดนมเสือให้สูงขึ้น โดยเน้นศึกษาฤทธิ์การต้านอนุมูลอิสระ ต้านการอักเสบ ต้านมะเร็งปอด ซึ่งจะเป็นการสร้างองค์ความรู้และสร้างมูลค่าเพิ่มของเห็ดทางยาในท้องตลาดทั้งในและต่างประเทศ และสร้างความเชื่อมั่นให้แก่ผู้บริโภคเนื่องจากมีงานวิจัยรองรับ รวมถึงมีการถ่ายทอดองค์ความรู้ให้แก่เกษตร ภาครัฐหรือภาคเอกชนที่สนใจ
คำสำคัญ
- ฤทธิ์ต้านการอักเสบ
- ฤทธิ์ต้านมะเร็ง
- ฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ
- เห็ดทางยา
- เห็ดนมเสือ
กลุ่มสาขาการวิจัยเชิงกลยุทธ์
ผลงานตีพิมพ์
ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง