การพัฒนาสื่อวีดิทัศน์โดยใช้ผู้นำเสนอแบบนาโนอินฟลูเอนเซอร์ร่วมกับกิจกรรมการสื่อสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่องการเป็นผู้ประกอบการอาหารฮาลาลสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี
บทความในวารสาร
ผู้เขียน/บรรณาธิการ
กลุ่มสาขาการวิจัยเชิงกลยุทธ์
รายละเอียดสำหรับงานพิมพ์
รายชื่อผู้แต่ง: ชนัญญา ลายสาคร, พรปภัสสร ปริญชาญกล, กุลธิดา ธรรมวิภัชน์ และ ไพฑูรย์ กานต์ธัญลักษณ์
ผู้เผยแพร่: คณะครุศาสตร์อุตสาหกรรมและเทคโนโลยี
ปีที่เผยแพร่ (ค.ศ.): 2024
ชื่อย่อของวารสาร: JLIT
Volume number: 4
Issue number: 1
หน้าแรก: 41
หน้าสุดท้าย: 54
จำนวนหน้า: 14
นอก: 2773-9740
eISSN: 2773-9759
URL: https://so06.tci-thaijo.org/index.php/JLIT/article/view/272413/184142
ภาษา: Thai (TH)
บทคัดย่อ
งานวิจัยนี้มีวัตถุประสงค์เพื่อ 1) สำรวจความต้องการในการพัฒนาสื่อวีดิทัศน์โดยใช้ผู้นำเสนอแบบนาโนอินฟลูเอนเซอร์ร่วมกับกิจกรรมการสื่อสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่องการเป็นผู้ประกอบการอาหารฮาลาลสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี 2)เพื่อพัฒนาและประเมินคุณภาพสื่อวีดิทัศน์ 3) เพื่อประเมินผลการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อสื่อวีดิทัศน์ และ 4)เพื่อประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อสื่อวีดิทัศน์โดยใช้ผู้นำเสนอแบบนาโนอินฟลูเอนเซอร์ร่วมกับกิจกรรมการสื่อสารบนแพลตฟอร์มออนไลน์ เรื่องการเป็นผู้ประกอบการอาหารฮาลาลสำหรับนักศึกษาปริญญาตรี เครื่องมือที่ใช้ในการศึกษาประกอบด้วย แบบสำรวจความต้องการ แบบประเมินคุณภาพด้านเนื้อหาและด้านสื่อการนำเสนอ แบบประเมินผลการรับรู้ และแบบประเมินความพึงพอใจ โดยกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ ดำเนินการโดยวิธีการสุ่มอย่างง่าย ได้กลุ่มตัวอย่างจำนวน 50 คน จากผู้ที่เรียนในรายวิชา ETM 314 การสร้างเสริมประสบการณ์วิชาชีพทางเทคโนโลยีการศึกษาและสื่อสารมวลชนในภาคการศึกษาที่ 2/2566 และยินดีตอบแบบสอบถาม สถิติที่ใช้ในการวิเคราะห์ข้อมูล ได้แก่ ค่าเฉลี่ย ส่วนเบี่ยงเบนมาตรฐาน และ t-test ผลการศึกษาพบว่า ผลสำรวจความต้องการของกลุ่มตัวอย่างที่มีต่อการพัฒนาสื่อวีดิทัศน์ร่วมกับกิจกรรมการสื่อสาร อยู่ในระดับมากที่สุด (=4.58, S.D.=0.51) ผู้วิจัยจึงดำเนินการพัฒนาสื่อวีดิทัศน์โดยใช้ผู้นำเสนอแบบนาโนอินฟลูเอนเซอร์ร่วมกับกิจกรรมการสื่อสาร ผลการประเมินคุณภาพโดยผู้เชี่ยวชาญด้านเนื้อหาอยู่ในระดับดีมาก (
=4.86, S.D.=0.20) ผลการประเมินคุณภาพด้านสื่อการนำเสนออยู่ในระดับดี (
= 4.22, S.D.=0.62) ผลการประเมินการรับรู้ของกลุ่มตัวอย่างหลังชมสื่อและกิจกรรมสูงกว่าก่อนชมสื่อและกิจรรมอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .05 (t-test=-8.24) และผลการประเมินความพึงพอใจของกลุ่มตัวอย่างอยู่ในระดับมากที่สุด (
4.70, S.D.=0.45)
คำสำคัญ
ไม่พบข้อมูลที่เกี่ยวข้อง